Huawei Watch Fit 4 Pro: รีวิวฉบับเข้าใจง่าย
Huawei Watch Fit 4 Pro: รีวิวฉบับเข้าใจง่าย
I. สรุปสั้นๆ: รู้จัก Huawei Watch Fit 4 Pro แบบเร็วๆ
Huawei Watch Fit 4 Pro เปิดตัวมาเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นท็อปที่เน้นเรื่องสุขภาพและการออกกำลังกายโดยเฉพาะเลยค่ะ เหมาะกับคนที่อยากได้นาฬิกาไฮเอนด์ที่ช่วยดูแลสุขภาพได้ครบเครื่อง และมีฟีเจอร์กีฬาเจ๋งๆ โดยที่ไม่ต้องจ่ายแพงเท่านาฬิกาสปอร์ตเฉพาะทางจริงๆ 1 จุดเด่นของรุ่นนี้คือดีไซน์ที่ดูหรูหรา ใช้วัสดุอย่างไทเทเนียมกับกระจกแซฟไฟร์ มีเซ็นเซอร์วัดสุขภาพล้ำๆ อย่าง ECG (ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ) มีโหมดกีฬาให้เลือกเยอะมาก (เช่น ตีกอล์ฟ ดำน้ำ) แบตเตอรี่ก็อึดใช้ได้นาน และที่สำคัญคือมีขายในไทยแล้วด้วย 1 สำหรับคนไทยที่รักสุขภาพและชอบออกกำลังกาย รุ่นนี้น่าจะตอบโจทย์เลยค่ะ
ที่ Huawei ตั้งชื่อรุ่นนี้ว่า “Pro” 1 ก็เพื่อบอกให้รู้ว่ามันเหนือกว่ารุ่นธรรมดา (ถ้ามี) นะ เป็นกลยุทธ์ที่อยากจะเจาะกลุ่มลูกค้าที่ยอมจ่ายแพงขึ้นอีกนิดเพื่อแลกกับวัสดุที่ดีกว่าและฟีเจอร์ที่ล้ำกว่า คำว่า “Pro” ไม่ได้แค่แปะไว้เท่ๆ นะคะ แต่มันหมายถึงของดีๆ ที่เพิ่มเข้ามาจริงๆ เช่น กระจกแซฟไฟร์ที่ทนรอยขีดข่วน และไทเทเนียมที่ทั้งเบาทั้งแข็งแรง 1 แถมยังมีฟีเจอร์เทพๆ อย่างการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และโหมดกีฬาเฉพาะทางอย่างตีกอล์ฟกับดำน้ำ ซึ่งปกติจะไม่ค่อยเจอในรุ่นพื้นฐาน ฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้ Watch Fit 4 Pro ดูดีมีระดับกว่านาฬิกาฟิตเนสทั่วไป และพร้อมจะแข่งกับสมาร์ทวอทช์แบรนด์ดังอื่นๆ โดยให้ประสบการณ์แบบ “พรีเมียมเบาๆ” เมื่อเทียบกับนาฬิกาสปอร์ตเฉพาะทางที่ราคาสูงลิ่ว ความแตกต่างระหว่างรุ่น “Pro” กับรุ่นธรรมดา (ถ้ามี) นี่แหละค่ะ ที่รายงานนี้จะเน้นให้เห็นชัดๆ จะได้รู้ว่ามันคุ้มค่ากับราคาที่อาจจะสูงขึ้นจริงไหม
II. ดีไซน์สวย วัสดุดี จอเทพ
Huawei Watch Fit 4 Pro มากับหน้าปัดสี่เหลี่ยมแบนๆ ดูทันสมัย 5 ถึงแม้บางคนอาจจะบอกว่าหน้าตาคล้ายๆ กับสมาร์ทวอทช์แบรนด์อื่น 3 แต่มันก็มีสไตล์ของตัวเองนะ ขนาดตัวเรือนอยู่ที่ 44.5 x 40.0 x 9.3 มิลลิเมตร (ไม่รวมส่วนเซ็นเซอร์) และหนักประมาณ 30.4 กรัม (ไม่รวมสาย) 1 มีลูกเล่นดีไซน์เก๋ๆ คือ “ดีไซน์คล้ายปีก 3 มิติที่ทำให้เข็มนาฬิกาบนหน้าปัดเคลื่อนไหวได้” 1 ทำให้หน้าปัดดูมีมิติและน่าสนใจขึ้นเยอะเลย
วัสดุที่ใช้ทำ Watch Fit 4 Pro ก็พรีเมียมสมชื่อ กรอบตรงกลางเป็นอะลูมิเนียมอัลลอยด์ ส่วนขอบตัวเรือน (ที่เราเห็นชัดๆ) ทำจากไทเทเนียมอัลลอยด์เลยนะ 1 หน้าจอก็ใช้กระจกแซฟไฟร์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรง ทนรอยขีดข่วนได้ดีเยี่ยม 1ตัวเรือนแข็งแรงทนทาน มีเม็ดมะยม (ปุ่มหมุนๆ) ที่มีลวดลายสวยงาม และมีปุ่มฟังก์ชันแยกต่างหาก 1 เรื่องกันน้ำกันฝุ่นก็หายห่วง เพราะได้มาตรฐานกันฝุ่น IP6X และกันน้ำระดับ 5ATM 2 แปลว่าใส่ว่ายน้ำได้สบายๆ หรือจะลุยแค่ไหนก็เอาอยู่
เรื่องการสวมใส่ Watch Fit 4 Pro เหมาะกับข้อมือขนาด 130-210 มิลลิเมตร 2 มีสายนาฬิกาให้เลือกหลายแบบ ทั้งสายไนลอนสีเขียว, สายฟลูออโรอีลาสโตเมอร์ (คล้ายๆ ยางแต่ดีกว่า) สีน้ำเงิน และสีดำ 2 แว่วๆ มาว่าอาจจะมีสายหนังสีเขียวด้วยนะ 7 อันนี้ต้องลองเช็คกับร้านอีกที คนที่ได้ลองใช้แล้วบอกว่าสายนาฬิกาสวมใส่สบายดีค่ะ 3
หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.82 นิ้ว คือพระเอกของงานนี้เลย 1 ความละเอียด 480 x 408 พิกเซล (347 PPI) 1 ที่เด็ดสุดๆ คือความสว่างหน้าจอที่สูงถึง 3000 nits 1 สว่างจ้าจนมองเห็นชัดแม้อยู่กลางแดดเปรี้ยงๆ สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องก็เยอะถึง 80% 8 ภาพที่เห็นคือสวยสดใส สีสันจัดจ้าน และทัชสกรีนก็ลื่นไหลดีมาก 3 แต่ก็มีคนรีวิวบางคนแอบติงนิดหน่อยว่าขอบจอดูไม่ค่อยสม่ำเสมอเท่าไหร่ 3
ถึงหน้าตาอาจจะคล้ายๆ สมาร์ทวอทช์ดังๆ บางรุ่น 3 แต่การเลือกใช้วัสดุพรีเมียมอย่างไทเทเนียมกับกระจกแซฟไฟร์ 1 ก็ทำให้ Watch Fit 4 Pro ดูดีมีระดับกว่าใคร วัสดุเหล่านี้ไม่ได้ใส่มาแค่สวยๆ นะคะ แต่มันคือการลงทุนเรื่องคุณภาพและความทนทานในระยะยาว ซึ่งก็สมกับคำว่า “Pro” ที่ Huawei ตั้งให้ ความสว่างหน้าจอที่สูงถึง 3000 nits 2 ก็เป็นอีกอย่างที่บอกเลยว่านี่คือของดีระดับท็อป ทำให้ใช้งานได้จริงแบบสบายๆ ดังนั้น ถึงแม้จะมีคนเปรียบเทียบเรื่องดีไซน์ แต่คุณภาพวัสดุและส่วนประกอบที่จับต้องได้นี่แหละค่ะ คือสิ่งที่ทำให้มันแตกต่างจริงๆ
III. สเปกหลักๆ และการทำงาน
Huawei Watch Fit 4 Pro ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 7 ซึ่งเชื่อมต่อกับมือถือได้ทั้ง Android (เวอร์ชัน 8.0 ขึ้นไป) และ iOS (เวอร์ชัน 13.0 ขึ้นไป) 2 หน้าตาการใช้งาน (UI) ก็ดู “ครบเครื่องแต่ไม่รก” 9 และโดยรวมแล้วก็ทำงานได้ลื่นไหลดี ไม่ค่อยมีอาการหน่วงให้เห็น 3 การจับคู่กับมือถือหรือสลับไปใช้กับมือถือหลายเครื่องก็ทำได้ง่ายๆ 3
เรื่องการเชื่อมต่อ Watch Fit 4 Pro มี Bluetooth 5.2 (รองรับ BR+BLE) 2 และ NFC ซึ่งเอาไว้ใช้กับพวกบัตรผ่านเข้าออก (เช่น บัตรประตูคอนโด 10) มากกว่าจะเอาไว้จ่ายเงินผ่านมือถือ ซึ่งยังใช้ได้จำกัดในหลายๆ ประเทศ 3 ระบบระบุตำแหน่ง (GPS) ก็แม่นยำมาก เพราะรองรับ GNSS แบบ Dual-band L1+L5 (คือรับสัญญาณดาวเทียมได้หลายระบบ ทั้ง GPS, GLONASS, GALILEO, BDS, QZSS) 2 มีการพูดถึงเทคโนโลยี “Huawei Sunflower GPS” 3 ที่ช่วยให้จับสัญญาณได้ดีขึ้นด้วย
เรื่องสำคัญที่ต้องเคลียร์ให้ชัดคือเรื่อง eSIM และการโทรศัพท์ได้ด้วยตัวเอง จากข้อมูลทางการเลยนะคะ Huawei Watch Fit 4 Pro ไม่รองรับ eSIM หรือการเชื่อมต่อเน็ตมือถือด้วยตัวเอง สเปกทางการจาก Huawei 2 บอกแค่ว่ามี Bluetooth กับ GPS แต่ไม่ได้พูดถึง eSIM หรือความสามารถด้านเซลลูลาร์เลย นอกจากนี้ รีวิวหลายๆ ที่ที่พูดถึงซีรีส์ Watch Fit (รวมถึง Fit 4 และก็น่าจะหมายถึง Fit 4 Pro ด้วย) ก็ยืนยันว่าไม่รองรับ eSIM 11 ในขณะที่สินค้าอื่นของ Huawei อย่าง “Huawei Watch 4 Pro” (ที่เป็นสมาร์ทวอทช์หน้าปัดกลมคนละรุ่นกัน) จะบอกชัดเจนเลยว่ามี eSIM 13 แสดงว่าถ้ามี Huawei ก็จะบอกค่ะ ถึงแม้ว่าบางเว็บรวมสเปก 5 อาจจะบอกข้อมูลผิดๆ ว่า Watch Fit 4 Pro รองรับ eSIM แต่ข้อมูลพวกนั้นมันขัดกับข้อมูลทางการและการชี้แจงเฉพาะรุ่นค่ะ อย่างไรก็ตาม นาฬิการุ่นนี้โทรออกรับสายผ่าน Bluetooth ได้นะคะ เมื่อเชื่อมต่อกับมือถือ 1 ก็เหมือนเป็นหูฟัง Bluetooth บนข้อมือเรานั่นเอง
การที่ Huawei ไม่ใส่ eSIM มาใน Watch Fit 4 Pro (และซีรีส์ Fit ทั้งหมด) ทั้งๆ ที่มีคำว่า “Pro” น่าจะเป็นการตัดสินใจทางธุรกิจค่ะ ซีรีส์ “Fit” เนี่ย เค้าเน้นความสมดุลระหว่างฟีเจอร์ฟิตเนส, ดีไซน์บางเบา และแบตเตอรี่ที่อึด 11 ถ้าใส่ eSIM เข้าไป มันจะทำให้เครื่องซับซ้อนขึ้น, แพงขึ้น และที่สำคัญคือเปลืองแบตสุดๆ Huawei เลยน่าจะเก็บฟีเจอร์โทรศัพท์ได้ด้วยตัวเองไว้สำหรับสมาร์ทวอทช์หน้าปัดกลมรุ่นท็อปๆ (เช่น ซีรีส์ Huawei Watch 4/5 6) เพื่อให้สินค้าแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกัน และยังคงจุดเด่นเรื่องแบตอึดของซีรีส์ Fit ไว้ คำว่า “Pro” ใน Watch Fit 4 Pro จึงน่าจะหมายถึงเซ็นเซอร์สุขภาพ/ฟิตเนสที่ล้ำกว่า และวัสดุที่พรีเมียมกว่า มากกว่าความสามารถในการโทรศัพท์ได้ด้วยตัวเองนะคะ นี่เป็นจุดสำคัญที่คนซื้อควรรู้ไว้ จะได้ไม่คาดหวังผิด และเข้าใจว่านาฬิกาตัวนี้มันคือเครื่องติดตามฟิตเนสสุดล้ำพร้อมฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์ ไม่ใช่โทรศัพท์มือถือบนข้อมือแบบเต็มตัว
ตารางที่ 1: Huawei Watch Fit 4 Pro – สเปกหลักๆ ที่ควรรู้
คุณสมบัติ | ข้อมูลสเปก |
ขนาด | 44.5 × 40.0 × 9.3 มม. |
น้ำหนัก | ประมาณ 30.4 กรัม (ไม่รวมสาย) |
หน้าจอ | 1.82 นิ้ว AMOLED, 480 × 408 พิกเซล, 347 PPI, สว่างสุด 3000 nits |
วัสดุ | ตัวเรือน (กรอบกลางอะลูมิเนียมอัลลอยด์, ขอบไทเทเนียมอัลลอยด์), หน้าจอ (กระจกแซฟไฟร์) |
ระบบปฏิบัติการ | HarmonyOS |
ใช้ได้กับ | Android 8.0 ขึ้นไป, iOS 13.0 ขึ้นไป |
เซ็นเซอร์ | Accelerometer (วัดความเร่ง), Gyroscope (วัดการหมุน), Magnetometer (วัดสนามแม่เหล็ก), Optical heart rate sensor (วัดชีพจรแบบแสง), Barometer (วัดความกดอากาศ), Temperature sensor (วัดอุณหภูมิ), ECG sensor (วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ), Depth sensor (วัดความลึก), Ambient light sensor (วัดแสงรอบข้าง) |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.2 (BR+BLE), NFC, GNSS (L1+L5: GPS, GLONASS, GALILEO, BDS, QZSS) |
สัญญาณมือถือ | ไม่มี eSIM / ต่อเน็ตมือถือเองไม่ได้ |
แบตเตอรี่ | ใช้งานได้นานสุด 10 วัน, ใช้งานทั่วไป 7 วัน 2 ชาร์จไร้สายได้ |
การกันน้ำ/ฝุ่น | 5ATM, IP6X |
ลำโพง | มี |
ไมโครโฟน | มี |
IV. ฟีเจอร์สุขภาพสุดล้ำ
หัวใจสำคัญของเรื่องสุขภาพใน Huawei Watch Fit 4 Pro คือระบบ Huawei TruSense™ 1 ซึ่งในรุ่น Pro นี้น่าจะมากับ “ระบบติดตามสุขภาพ TruSense รุ่นใหม่ล่าสุด” 7 ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อตรวจดูปัจจัยสุขภาพที่สำคัญ 6 อย่าง คือ ระบบทางเดินหายใจ, ระบบประสาท และระบบต่อมไร้ท่อ 1 โดยใช้การออกแบบเซ็นเซอร์แสงแบบหลายจุดและเทคโนโลยีความแม่นยำสูง 1
Watch Fit 4 Pro มีเซ็นเซอร์ ECG ทำให้วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้เมื่อต้องการ 1 นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Pulse Wave Arrhythmia Analysis ที่ใช้เซ็นเซอร์ PPG (วัดชีพจรแบบแสง) แจ้งเตือนความเสี่ยงภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (เช่น A-fib หรือภาวะหัวใจเต้นก่อนกำหนด) 1 การวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) ก็ทำได้ทั้งแบบต่อเนื่องและเมื่อต้องการ 9 พร้อมกับการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมงด้วยเซ็นเซอร์วัดชีพจรแบบแสง 2 และยังมีการตรวจจับความแข็งของหลอดเลือด (Arterial Stiffness Detection) อีกด้วย 9
เรื่องการนอนหลับ เทคโนโลยี Huawei TruSleep™ จะช่วยวิเคราะห์ระยะการนอนหลับอย่างละเอียด (หลับลึก, หลับตื้น, REM, ตื่น) และประเมินคุณภาพการนอนหลับ 1 ซึ่งหลายคนชมว่าแม่นยำ 3 ระบบยังมีการตรวจจับความเครียดอัตโนมัติพร้อมคำแนะนำการฝึกหายใจ 10 และมีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิวหนังด้วย 2
เพื่อประสบการณ์สุขภาพที่ดีขึ้น Huawei ได้เปิดตัวแอป Health Insights ใหม่ ที่ช่วยจัดการความเครียดและปรับปรุงการนอนหลับด้วยเคล็ดลับดีๆ 1 พร้อมกับแอป Emotional Wellbeing ที่ช่วยดูแลอารมณ์และความรู้สึกของเรา 1 ฟีเจอร์สุขภาพที่ครบเครื่องขนาดนี้ รวมถึง ECG และการตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นฟีเจอร์ระดับพรีเมียมที่มักจะเจอในนาฬิการาคาแพงกว่านี้ การที่ Huawei ใส่ฟีเจอร์เหล่านี้มาใน Watch Fit 4 Pro ในราคาที่จับต้องได้ (ประมาณต่ำกว่า 300 ยูโร หรือประมาณหมื่นต้นๆ 15) ถือเป็นจุดขายที่สำคัญมาก โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใส่ใจสุขภาพแบบจริงจัง ความแม่นยำของเซ็นเซอร์เหล่านี้ตามที่คนรีวิวบอก 3 ยิ่งทำให้มั่นใจในนาฬิกาเรือนนี้มากขึ้น
V. ติดตามกีฬาแบบโปรๆ ลุยได้ทุกกิจกรรม
Huawei Watch Fit 4 Pro ไม่ได้เก่งแค่เรื่องสุขภาพนะคะ แต่ยังเป็นเพื่อนซี้ของคนรักการออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งด้วย เพราะมีโหมดออกกำลังกายให้เลือกมากกว่า 100 โหมด 3 ครอบคลุมกิจกรรมหลากหลาย แต่ที่ทำให้รุ่น Pro โดดเด่นจริงๆ คือโหมดกีฬาระดับโปรที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ:
- โหมดตีกอล์ฟ: บอกข้อมูลสนามละเอียด เช่น ตำแหน่งหลุมทรายและกรีน, วัดระยะอัจฉริยะ, วิเคราะห์วงสวิง, มีบัตรคะแนนดิจิทัล และมีภาพเคลื่อนไหวแสดงวิถีลูกกอล์ฟด้วย 1 พร้อมแผนที่สนามกอล์ฟทั่วโลก 3
- โหมดดำน้ำ: มีเครื่องมือวัดความลึกใต้น้ำได้ถึง 40 เมตร, โหมดฝึกการกลั้นหายใจ (apnea training), ตัวจับเวลาขณะลอยตัว (hover timer), ตรวจจับประเภทของน้ำ และตั้งค่าความลึกในการดำน้ำเองได้ 1
- โหมดวิ่งเทรล (วิ่งในป่า/ภูเขา): มาพร้อมแผนที่แสดงเส้นชั้นความสูง (contour maps) 3
- นอกจากนี้ยังมีโหมดอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น สกี, ไตรกีฬา, เดินป่า, ปีนเขา และสโนว์บอร์ด 1
ความแม่นยำของ GPS ก็ดีขึ้นมาก เพราะมีระบบ GNSS แบบ Dual-band (L1+L5) ช่วยให้ระบุตำแหน่งได้แม่นยำสุดๆ 2เราสามารถดูแผนที่ออฟไลน์ระหว่างออกกำลังกายกลางแจ้งได้, มีระบบนำทางตามส่วนของเส้นทาง (segment-based navigation) และติดตามเส้นทางพร้อมการแจ้งเตือนด้วยเสียง/การสั่น/ลูกศร 1 เซ็นเซอร์วัดความกดอากาศ (บารอมิเตอร์) ที่อัปเกรดใหม่ก็ให้ข้อมูลสภาพแวดล้อม, ข้อมูลสภาพอากาศ และการระบุตำแหน่งดวงอาทิตย์ (sunflower positioning) 1 รวมถึงการติดตามเส้นทางในน้ำด้วย 1
นาฬิกาสามารถแสดงข้อมูลฟิตเนสแบบเรียลไทม์ 1 และวิเคราะห์ผลหลังจบเกมได้ (เช่น สำหรับกอล์ฟ) 1 มีระบบตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติสำหรับกิจกรรมทั่วไป 3 และสามารถส่งสัญญาณอัตราการเต้นของหัวใจไปยังเครื่องออกกำลังกายในยิมที่รองรับได้ 3 การที่ Huawei ใส่ฟีเจอร์กีฬาระดับโปรเหล่านี้ เช่น การวิเคราะห์กอล์ฟขั้นสูงและการรองรับการดำน้ำลึก ซึ่งปกติจะเจอในนาฬิกาสปอร์ตเฉพาะทางที่แพงกว่านี้มาก มาไว้ใน Watch Fit 4 Pro ในราคา “Pro” ระดับกลาง (ประมาณ 250-300 ยูโร หรือประมาณ 9,000 – 11,000 บาท 3) ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงฟีเจอร์เหล่านี้ได้ง่ายขึ้น กลยุทธ์นี้น่าจะดึงดูดคนที่อยากได้ฟีเจอร์ล้ำๆ เหล่านี้แต่ไม่อยากจ่ายแพงเท่านาฬิกาเฉพาะทางจากแบรนด์อื่น นี่จึงเป็นข้อเสนอที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับคนที่สนใจกิจกรรมเหล่านี้โดยเฉพาะเลยค่ะ
VI. ฟังก์ชันสมาร์ทๆ สำหรับชีวิตประจำวัน
นอกจากจะเก่งเรื่องสุขภาพและกีฬาแล้ว Huawei Watch Fit 4 Pro ยังมีฟังก์ชันสมาร์ทๆ ที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นด้วยค่ะ:
- คุยโทรศัพท์บนข้อมือ: โทรออกรับสายผ่าน Bluetooth ได้เมื่อเชื่อมต่อกับมือถือ เพราะมีลำโพงกับไมโครโฟนในตัว 1 คุณภาพเสียงตอนคุยก็ดีเยี่ยมเลยค่ะ 3 เราสามารถตอบข้อความด่วนๆ ด้วยการแปลงเสียงเป็นข้อความ หรือใช้อีโมติคอนก็ได้ 1 แถมยังตอบ WhatsApp ด้วยคีย์บอร์ดเต็มรูปแบบได้ด้วยนะ 10
- เครื่องมือช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น:
- Voice NotePad: อัดเสียงโน้ตสั้นๆ 1
- NFC สำหรับแตะผ่าน: อาจจะใช้ NFC กับบัตรผ่านต่างๆ ได้ (เช่น บัตรประตูคอนโด 10) แต่เรื่องจ่ายเงินยังใช้ได้จำกัดหรือไม่ก็ยังใช้ไม่ได้ในหลายประเทศ 3
- รีโมทชัตเตอร์กล้อง: ใช้เป็นรีโมทถ่ายรูปจากมือถือได้ 1
- ค้นหามือถือของฉัน (Find My Phone) 5
- ควบคุมเพลง (ที่เล่นบนมือถือ) และเล่นเพลงในเครื่อง (โอนไฟล์ MP3 ลงนาฬิกา) 3
- ดูสภาพอากาศ, ตั้งนาฬิกาปลุก, จับเวลา 5
- ซิงค์ปฏิทินและดูการแจ้งเตือนนัดหมาย 10
- หน้าปัดนาฬิกาและการปรับแต่ง: มีสไตล์หน้าปัดนาฬิกาให้เลือกเปลี่ยนได้ไม่อั้น เช่น Arctic Rays, Dusk Silhouette, DIY Gallery และหน้าปัดสติกเกอร์ที่เราทำเองได้ 1
- ระบบนิเวศแอป HarmonyOS: ทำอะไรได้บ้าง และมีข้อจำกัดอะไร? ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS มาพร้อมแอปและฟีเจอร์พื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ แต่ข้อจำกัดสำคัญคือยังไม่ค่อยมีแอปจากนักพัฒนาภายนอกให้เลือกใช้มากนัก เมื่อเทียบกับ Wear OS (ของ Google) หรือ watchOS (ของ Apple) 3 ขาดแอปฮิตๆ อย่าง Spotify (ที่ใช้บนนาฬิกาได้เลย), Google Maps หรือ Strava 3 และถ้าจะซิงค์ข้อมูลกับ Google Health Connect บน Android ก็ต้องใช้เครื่องมือจากภายนอกช่วย 3
ถึงแม้ Watch Fit 4 Pro จะมีฟังก์ชันสมาร์ทหลักๆ ที่ดี เช่น การโทร, การแจ้งเตือน และเครื่องมือพื้นฐานต่างๆ แต่ก็ยังขาดความหลากหลายของแอปจากนักพัฒนาภายนอก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของอุปกรณ์สวมใส่ Huawei หลังจากมีข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์ ฟังก์ชันสมาร์ทหลักๆ อย่างการโทรผ่าน Bluetooth 1, การแจ้งเตือน, การควบคุมเพลง 5 หรือแม้แต่ฟีเจอร์ล้ำๆ บางอย่าง เช่น การตอบ WhatsApp ด้วยคีย์บอร์ด 10 ก็มีให้ใช้และทำงานได้ดีโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม รีวิวหลายๆ ที่ 3ก็พูดตรงกันว่าการไม่มี App Store ที่มีแอปเยอะๆ เป็นข้อเสียเปรียบหลัก ซึ่งจำกัดความสามารถในการขยายการใช้งานเมื่อเทียบกับ Apple Watch หรือนาฬิกา Wear OS การที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับบริการยอดนิยมอย่าง Spotify หรือ Strava 3 ได้โดยตรง อาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนที่ใช้บริการเหล่านั้นเป็นประจำ ในทำนองเดียวกัน การไม่มีตัวเลือกการจ่ายเงินผ่านมือถือในประเทศส่วนใหญ่ 3 ก็เป็นข้อสังเกตสำหรับนาฬิการะดับ “Pro” ในปี 2025 ดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า ถึงแม้ Watch Fit 4 Pro จะ “สมาร์ท” ในฟังก์ชันหลักๆ แต่คนที่มองหาแอปที่ดาวน์โหลดได้หลากหลาย หรือการเชื่อมต่อกับบริการเฉพาะ (โดยเฉพาะบริการจากฝั่งตะวันตก) อาจจะยังไม่ถูกใจ จุดแข็งของนาฬิการุ่นนี้อยู่ที่ความสามารถด้านสุขภาพ/ฟิตเนสในตัวและการออกแบบ มากกว่าความสมาร์ทที่มาจากแอปเยอะๆ ค่ะ
VII. แบตอึดแค่ไหน ชาร์จยังไง?
จุดแข็งสำคัญอย่างหนึ่งของ Huawei Watch Fit 4 Pro คือแบตเตอรี่ที่อึดมากๆ ค่ะ:
- แบตเตอรี่ใช้งานจริงเป็นยังไงบ้าง:
- ใช้งานได้นานสุด: ถึง 10 วัน 1 (อันนี้ทดสอบภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ เช่น โทรผ่าน Bluetooth 30 นาที/สัปดาห์, ฟังเพลง 30 นาที/สัปดาห์, เปิดวัดชีพจรตลอด, เปิดระบบติดตามการนอนหลับ, ออกกำลังกายเฉลี่ย 90 นาที/สัปดาห์, เปิดรับการแจ้งเตือน, เปิดหน้าจอดูวันละ 200 ครั้ง)
- ใช้งานทั่วไป: 7 วัน 1 (อันนี้ทดสอบแบบใช้งานหนักขึ้น เช่น เปิดตรวจจับความเครียด, วิเคราะห์คลื่นหัวใจ, ตรวจจับการหายใจตอนนอน, ออกกำลังกาย 180 นาที, เปิดหน้าจอดูวันละ 30 นาที)
- ถ้าเปิด Always-On Display (หน้าจอติดตลอด): อยู่ได้นานถึง 4 วัน 1
- คนที่ได้ลองใช้ส่วนใหญ่ก็ยืนยันว่าแบตอึดจริง 3
- ชาร์จเร็วแค่ไหน สะดวกไหมถ้าชาร์จไร้สาย:
- ชาร์จเร็ว: “ชาร์จแค่ 10 นาที ใช้ได้ทั้งวัน” 8 ชาร์จเต็มใน 60 นาที 8 หรือ 75 นาทีสำหรับรุ่น Fit 4 ธรรมดา 1
- ชาร์จไร้สาย: รองรับการชาร์จไร้สายแบบ Qi 2 โดยใช้แท่นชาร์จแม่เหล็กที่ให้มา หรือที่ชาร์จ Qi ทั่วไปก็ได้ ซึ่งสะดวกขึ้นเยอะเลยค่ะ สเปกหัวชาร์จที่แนะนำคือ: 5V-9V DC/2A 2
แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานหลายวัน แม้จะเปิดใช้ฟีเจอร์เยอะแยะ ก็ยังเป็นจุดขายที่แข็งแกร่งของอุปกรณ์สวมใส่ Huawei และ Watch Fit 4 Pro ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง การเพิ่มการชาร์จไร้สายแบบ Qi เข้ามาก็ช่วยให้สะดวกสบายขึ้นมาก ตัวเลขทางการ 1 และความเห็นจากคนรีวิว 3 ชี้ให้เห็นว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่าคู่แข่งหลายๆ รุ่นอย่างเห็นได้ชัด (7-10 วันสำหรับการใช้งานทั่วไป/สูงสุด) ซึ่งคู่แข่งหลายรายต้องชาร์จทุกวันหรือเกือบทุกวัน (เช่น Apple Watch, นาฬิกา Wear OS บางรุ่น) ความอึดระดับนี้เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญมากสำหรับผู้ใช้ ช่วยลดความกังวลเรื่องการชาร์จ และทำให้เหมาะกับการเดินทางหลายวันหรือช่วงเวลาที่ต้องติดตามข้อมูลอย่างเข้มข้น การรองรับการชาร์จไร้สายแบบ Qi 2 ควบคู่ไปกับแท่นชาร์จแม่เหล็กของ Huawei เอง ทำให้มีความยืดหยุ่นและสะดวกสบาย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยที่ชาร์จไร้สายที่มีอยู่ทั่วไปได้ ดังนั้น ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ควรได้รับการเน้นย้ำว่าเป็นข้อได้เปรียบหลัก การผสมผสานระหว่างระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานและตัวเลือกการชาร์จที่สะดวกสบายทำให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงสำหรับผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับด้านนี้
VIII. Huawei Watch Fit 4 Pro ในไทย: ราคา ขายที่ไหน ซื้อยังไง?
Huawei Watch Fit 4 Pro เปิดตัวทั่วโลกไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2025 1 สำหรับในประเทศไทย จากข้อมูลบน Shopee เหมือนจะเริ่มขายหรือเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าประมาณวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 17 นอกจากนี้ บนเว็บไซต์ Huawei Consumer ประเทศไทย ก็มีชื่อรุ่น Watch Fit 4 Pro ขึ้นมาแล้วเหมือนกัน 19
ราคาขายในประเทศไทย จากข้อมูลบน Shopee ราคาของ Huawei Watch Fit 4 Pro อยู่ที่ประมาณ 9,999 บาท 17 ซึ่งราคานี้ก็ใกล้เคียงกับราคาในต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย (RM999 8) และสหราชอาณาจักร (£249.99 3) ยังไงลองเช็คราคาที่แน่นอนอีกครั้งกับร้านค้าทางการนะคะ
ช่องทางขายที่เชื่อถือได้ในประเทศไทย ได้แก่:
- Huawei Experience Stores (ร้านค้าของ Huawei เอง)
- ช่องทางออนไลน์:
- Huawei Official Store (บน Lazada และ Shopee ถ้ามี)
- Lazada ประเทศไทย: มีลงขายสายนาฬิกาและอุปกรณ์เสริมของ “Watch Fit 4 Pro” 20 แสดงว่าสินค้ารุ่นนี้เป็นที่รู้จักในตลาดแล้ว
- Shopee ประเทศไทย: มีลงขายตัวเครื่อง “HUAWEI WATCH FIT 4 Pro” โดยตรงเลย 17
- ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายชั้นนำ (เช่น Best Denki, Challenger, Courts ที่พูดถึงสำหรับสิงคโปร์ 22 น่าจะต้องลองเช็คร้านค้าที่คล้ายๆ กันในไทยดูค่ะ)
สำหรับโปรโมชันช่วงเปิดตัวหรือรายละเอียดการสั่งจองล่วงหน้า จากข้อมูลบน Shopee 18 เห็นว่ามีของแถมหลายอย่างเลย เช่น พาวเวอร์แบงค์, หูฟัง Freebuds SE2, สายนาฬิกา, กระเป๋า, แท่นชาร์จไร้สาย และฟิล์มกันรอย ซึ่งคล้ายๆ กับตอนเปิดตัวที่มาเลเซีย ที่มีทั้งส่วนลดและของแถม 8
ราคาในไทยที่ประมาณ 9,999 บาท 17 และการมีของแถมเยอะแยะ เป็นกลยุทธ์ปกติของ Huawei ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อกระตุ้นให้คนตัดสินใจซื้อในช่วงแรกๆ และแข่งขันในตลาดที่ดุเดือด การมีชื่อรุ่นนี้บนเว็บไซต์ทางการของ Huawei ประเทศไทย 19 และบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ 17 ก็เป็นการยืนยันว่ามีการเปิดตัวและวางขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้วค่ะ
ตารางที่ 2: Huawei Watch Fit 4 Pro – ราคาโดยประมาณและช่องทางขายในไทย
ร้านค้า/แพลตฟอร์ม | รุ่น | ราคาโดยประมาณ (บาท) | สถานะการขาย (ณ วันที่ทำรายงาน) | โปรโมชัน |
Huawei Official Online Store (ประเทศไทย), Shopee (Huawei Official Store/ร้านที่เชื่อถือได้), Lazada (Huawei Official Store/ร้านที่เชื่อถือได้), Huawei Experience Stores (ร้านค้าปลีก) | Huawei Watch Fit 4 Pro (สีอาจแตกต่างกันไป) | ~9,999 บาท | มีของ / สั่งจองล่วงหน้า | มักจะมีของแถม เช่น หูฟังไร้สาย, สายนาฬิกาสำรอง ในช่วงเปิดตัว (ควรเช็คกับร้านโดยตรงอีกที) |
IX. วิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ: ข้อดี
จากการรวบรวมข้อมูลและรีวิวต่างๆ Huawei Watch Fit 4 Pro มีข้อดีและข้อที่ควรพิจารณาดังนี้ค่ะ:
ข้อดี (Pros):
- ดีไซน์และวัสดุพรีเมียม: ใช้ไทเทเนียมอัลลอยด์, กระจกแซฟไฟร์ และหน้าตาที่ดูเพรียวบางสวยงาม 1
- จอ AMOLED สวยตะลึง: จอใหญ่, สว่างมาก (3000 nits) และสีสันสดใส 1
- ติดตามสุขภาพครบเครื่อง: ระบบ TruSense สุดล้ำ, วัด ECG ได้, วัด SpO2, ตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ, ติดตามการนอนหลับและความเครียดอย่างละเอียด 1
- โหมดกีฬาระดับโปรหลากหลาย: มีโหมดเฉพาะสำหรับตีกอล์ฟ, ดำน้ำ, วิ่งเทรล พร้อมข้อมูลขั้นสูงและแผนที่ออฟไลน์ 1
- แบตเตอรี่อึดสุดๆ: ใช้งานได้นานถึง 7-10 วัน ซึ่งนานกว่าคู่แข่งหลายๆ รุ่น 1
- ชาร์จเร็วและสะดวก: ชาร์จได้เร็วและรองรับการชาร์จไร้สายแบบ Qi 2
- GPS แม่นยำ: ระบบ GNSS แบบ Dual-band ช่วยให้ติดตามตำแหน่งได้แม่นยำ 2
- ฟังก์ชันสมาร์ทหลักๆ ดี: โทรผ่าน Bluetooth ได้, ดูการแจ้งเตือน, เล่นเพลงได้ 1
- ใช้ได้กับทั้ง Android และ iOS: เชื่อมต่อได้ทั้งมือถือ Android และ iPhone 2
ความคุ้มค่าของ Watch Fit 4 Pro อยู่ที่การให้ฮาร์ดแวร์ที่น่าประทับใจ (วัสดุ, เซ็นเซอร์, แบตเตอรี่) ในราคาที่เหมาะสม แต่ความสามารถด้าน “สมาร์ท” ถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดของระบบซอฟต์แวร์ Huawei จุดแข็งส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวเครื่อง (ดีไซน์, หน้าจอ, แบตเตอรี่) และความสามารถด้านสุขภาพ/ฟิตเนสในตัวที่มาจากเซ็นเซอร์ล้ำๆ ในขณะที่ข้อเสียส่วนใหญ่เน้นไปที่ข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์และระบบนิเวศ (ไม่มี eSIM สำหรับรุ่นนี้, แอปน้อย, การจ่ายเงินผ่านมือถือที่จำกัด) สิ่งนี้ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนที่ชัดเจน: ผู้ใช้จะได้ฮาร์ดแวร์ระดับท็อปและการติดตามสุขภาพ/ฟิตเนสในตัวที่ยอดเยี่ยม แต่ต้องเสียสละความหลากหลายของแอปและความสามารถในการเชื่อมต่อที่ราบรื่นของแพลตฟอร์มอย่าง Wear OS หรือ watchOS ของ Apple ดังนั้น ข้อเสนอคุณค่าจึงขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ให้ความสำคัญกับฮาร์ดแวร์และฟีเจอร์ในตัวมากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับระบบนิเวศแอปที่กว้างขวางกว่า
X. สรุป
Huawei Watch Fit 4 Pro เป็นสมาร์ทวอทช์ที่เน้นเรื่องฟิตเนสและสุขภาพที่เก่งมากๆ มาพร้อมกับวัสดุพรีเมียมและแบตเตอรี่ที่อึดสุดๆ แถมยังมีฟีเจอร์กีฬาเฉพาะทางที่เหนือกว่านาฬิกาในระดับราคาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเรื่องระบบซอฟต์แวร์ก็เป็นเรื่องหลักที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อค่ะ
เหมาะกับใครบ้างในประเทศไทย:
- เหมาะสุดๆ สำหรับ:
- คนที่รักสุขภาพและอยากติดตามข้อมูลสุขภาพแบบละเอียด
- คนที่ชอบออกกำลังกาย โดยเฉพาะนักกอล์ฟ, นักดำน้ำ, นักวิ่ง ที่จะได้ประโยชน์จากโหมดกีฬาเฉพาะทาง
- คนที่ให้ความสำคัญกับแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานๆ และดีไซน์ที่ดูหรูหรา โดยไม่จำเป็นต้องใช้แอปเยอะแยะหรือการเชื่อมต่อเน็ตมือถือด้วยตัวเอง
latest video
news via inbox
Nulla turp dis cursus. Integer liberos euismod pretium faucibua