Huawei Watch Fit 4 Pro: รีวิวฉบับเข้าใจง่าย

Last Updated: มิถุนายน 2nd, 2025By

Huawei Watch Fit 4 Pro: รีวิวฉบับเข้าใจง่าย

I. สรุปสั้นๆ: รู้จัก Huawei Watch Fit 4 Pro แบบเร็วๆ

Huawei Watch Fit 4 Pro เปิดตัวมาเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นท็อปที่เน้นเรื่องสุขภาพและการออกกำลังกายโดยเฉพาะเลยค่ะ เหมาะกับคนที่อยากได้นาฬิกาไฮเอนด์ที่ช่วยดูแลสุขภาพได้ครบเครื่อง และมีฟีเจอร์กีฬาเจ๋งๆ โดยที่ไม่ต้องจ่ายแพงเท่านาฬิกาสปอร์ตเฉพาะทางจริงๆ 1 จุดเด่นของรุ่นนี้คือดีไซน์ที่ดูหรูหรา ใช้วัสดุอย่างไทเทเนียมกับกระจกแซฟไฟร์ มีเซ็นเซอร์วัดสุขภาพล้ำๆ อย่าง ECG (ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ) มีโหมดกีฬาให้เลือกเยอะมาก (เช่น ตีกอล์ฟ ดำน้ำ) แบตเตอรี่ก็อึดใช้ได้นาน และที่สำคัญคือมีขายในไทยแล้วด้วย 1 สำหรับคนไทยที่รักสุขภาพและชอบออกกำลังกาย รุ่นนี้น่าจะตอบโจทย์เลยค่ะ

ที่ Huawei ตั้งชื่อรุ่นนี้ว่า “Pro” 1 ก็เพื่อบอกให้รู้ว่ามันเหนือกว่ารุ่นธรรมดา (ถ้ามี) นะ เป็นกลยุทธ์ที่อยากจะเจาะกลุ่มลูกค้าที่ยอมจ่ายแพงขึ้นอีกนิดเพื่อแลกกับวัสดุที่ดีกว่าและฟีเจอร์ที่ล้ำกว่า คำว่า “Pro” ไม่ได้แค่แปะไว้เท่ๆ นะคะ แต่มันหมายถึงของดีๆ ที่เพิ่มเข้ามาจริงๆ เช่น กระจกแซฟไฟร์ที่ทนรอยขีดข่วน และไทเทเนียมที่ทั้งเบาทั้งแข็งแรง 1 แถมยังมีฟีเจอร์เทพๆ อย่างการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และโหมดกีฬาเฉพาะทางอย่างตีกอล์ฟกับดำน้ำ ซึ่งปกติจะไม่ค่อยเจอในรุ่นพื้นฐาน ฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้ Watch Fit 4 Pro ดูดีมีระดับกว่านาฬิกาฟิตเนสทั่วไป และพร้อมจะแข่งกับสมาร์ทวอทช์แบรนด์ดังอื่นๆ โดยให้ประสบการณ์แบบ “พรีเมียมเบาๆ” เมื่อเทียบกับนาฬิกาสปอร์ตเฉพาะทางที่ราคาสูงลิ่ว ความแตกต่างระหว่างรุ่น “Pro” กับรุ่นธรรมดา (ถ้ามี) นี่แหละค่ะ ที่รายงานนี้จะเน้นให้เห็นชัดๆ จะได้รู้ว่ามันคุ้มค่ากับราคาที่อาจจะสูงขึ้นจริงไหม

II. ดีไซน์สวย วัสดุดี จอเทพ

Huawei Watch Fit 4 Pro มากับหน้าปัดสี่เหลี่ยมแบนๆ ดูทันสมัย 5 ถึงแม้บางคนอาจจะบอกว่าหน้าตาคล้ายๆ กับสมาร์ทวอทช์แบรนด์อื่น 3 แต่มันก็มีสไตล์ของตัวเองนะ ขนาดตัวเรือนอยู่ที่ 44.5 x 40.0 x 9.3 มิลลิเมตร (ไม่รวมส่วนเซ็นเซอร์) และหนักประมาณ 30.4 กรัม (ไม่รวมสาย) 1 มีลูกเล่นดีไซน์เก๋ๆ คือ “ดีไซน์คล้ายปีก 3 มิติที่ทำให้เข็มนาฬิกาบนหน้าปัดเคลื่อนไหวได้” 1 ทำให้หน้าปัดดูมีมิติและน่าสนใจขึ้นเยอะเลย

วัสดุที่ใช้ทำ Watch Fit 4 Pro ก็พรีเมียมสมชื่อ กรอบตรงกลางเป็นอะลูมิเนียมอัลลอยด์ ส่วนขอบตัวเรือน (ที่เราเห็นชัดๆ) ทำจากไทเทเนียมอัลลอยด์เลยนะ 1 หน้าจอก็ใช้กระจกแซฟไฟร์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรง ทนรอยขีดข่วนได้ดีเยี่ยม 1ตัวเรือนแข็งแรงทนทาน มีเม็ดมะยม (ปุ่มหมุนๆ) ที่มีลวดลายสวยงาม และมีปุ่มฟังก์ชันแยกต่างหาก 1 เรื่องกันน้ำกันฝุ่นก็หายห่วง เพราะได้มาตรฐานกันฝุ่น IP6X และกันน้ำระดับ 5ATM 2 แปลว่าใส่ว่ายน้ำได้สบายๆ หรือจะลุยแค่ไหนก็เอาอยู่

เรื่องการสวมใส่ Watch Fit 4 Pro เหมาะกับข้อมือขนาด 130-210 มิลลิเมตร 2 มีสายนาฬิกาให้เลือกหลายแบบ ทั้งสายไนลอนสีเขียว, สายฟลูออโรอีลาสโตเมอร์ (คล้ายๆ ยางแต่ดีกว่า) สีน้ำเงิน และสีดำ 2 แว่วๆ มาว่าอาจจะมีสายหนังสีเขียวด้วยนะ 7 อันนี้ต้องลองเช็คกับร้านอีกที คนที่ได้ลองใช้แล้วบอกว่าสายนาฬิกาสวมใส่สบายดีค่ะ 3

หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.82 นิ้ว คือพระเอกของงานนี้เลย 1 ความละเอียด 480 x 408 พิกเซล (347 PPI) 1 ที่เด็ดสุดๆ คือความสว่างหน้าจอที่สูงถึง 3000 nits 1 สว่างจ้าจนมองเห็นชัดแม้อยู่กลางแดดเปรี้ยงๆ สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องก็เยอะถึง 80% 8 ภาพที่เห็นคือสวยสดใส สีสันจัดจ้าน และทัชสกรีนก็ลื่นไหลดีมาก 3 แต่ก็มีคนรีวิวบางคนแอบติงนิดหน่อยว่าขอบจอดูไม่ค่อยสม่ำเสมอเท่าไหร่ 3

ถึงหน้าตาอาจจะคล้ายๆ สมาร์ทวอทช์ดังๆ บางรุ่น 3 แต่การเลือกใช้วัสดุพรีเมียมอย่างไทเทเนียมกับกระจกแซฟไฟร์ 1 ก็ทำให้ Watch Fit 4 Pro ดูดีมีระดับกว่าใคร วัสดุเหล่านี้ไม่ได้ใส่มาแค่สวยๆ นะคะ แต่มันคือการลงทุนเรื่องคุณภาพและความทนทานในระยะยาว ซึ่งก็สมกับคำว่า “Pro” ที่ Huawei ตั้งให้ ความสว่างหน้าจอที่สูงถึง 3000 nits 2 ก็เป็นอีกอย่างที่บอกเลยว่านี่คือของดีระดับท็อป ทำให้ใช้งานได้จริงแบบสบายๆ ดังนั้น ถึงแม้จะมีคนเปรียบเทียบเรื่องดีไซน์ แต่คุณภาพวัสดุและส่วนประกอบที่จับต้องได้นี่แหละค่ะ คือสิ่งที่ทำให้มันแตกต่างจริงๆ

III. สเปกหลักๆ และการทำงาน

Huawei Watch Fit 4 Pro ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 7 ซึ่งเชื่อมต่อกับมือถือได้ทั้ง Android (เวอร์ชัน 8.0 ขึ้นไป) และ iOS (เวอร์ชัน 13.0 ขึ้นไป) 2 หน้าตาการใช้งาน (UI) ก็ดู “ครบเครื่องแต่ไม่รก” 9 และโดยรวมแล้วก็ทำงานได้ลื่นไหลดี ไม่ค่อยมีอาการหน่วงให้เห็น 3 การจับคู่กับมือถือหรือสลับไปใช้กับมือถือหลายเครื่องก็ทำได้ง่ายๆ 3

เรื่องการเชื่อมต่อ Watch Fit 4 Pro มี Bluetooth 5.2 (รองรับ BR+BLE) 2 และ NFC ซึ่งเอาไว้ใช้กับพวกบัตรผ่านเข้าออก (เช่น บัตรประตูคอนโด 10) มากกว่าจะเอาไว้จ่ายเงินผ่านมือถือ ซึ่งยังใช้ได้จำกัดในหลายๆ ประเทศ 3 ระบบระบุตำแหน่ง (GPS) ก็แม่นยำมาก เพราะรองรับ GNSS แบบ Dual-band L1+L5 (คือรับสัญญาณดาวเทียมได้หลายระบบ ทั้ง GPS, GLONASS, GALILEO, BDS, QZSS) 2 มีการพูดถึงเทคโนโลยี “Huawei Sunflower GPS” 3 ที่ช่วยให้จับสัญญาณได้ดีขึ้นด้วย

เรื่องสำคัญที่ต้องเคลียร์ให้ชัดคือเรื่อง eSIM และการโทรศัพท์ได้ด้วยตัวเอง จากข้อมูลทางการเลยนะคะ Huawei Watch Fit 4 Pro ไม่รองรับ eSIM หรือการเชื่อมต่อเน็ตมือถือด้วยตัวเอง สเปกทางการจาก Huawei 2 บอกแค่ว่ามี Bluetooth กับ GPS แต่ไม่ได้พูดถึง eSIM หรือความสามารถด้านเซลลูลาร์เลย นอกจากนี้ รีวิวหลายๆ ที่ที่พูดถึงซีรีส์ Watch Fit (รวมถึง Fit 4 และก็น่าจะหมายถึง Fit 4 Pro ด้วย) ก็ยืนยันว่าไม่รองรับ eSIM 11 ในขณะที่สินค้าอื่นของ Huawei อย่าง “Huawei Watch 4 Pro” (ที่เป็นสมาร์ทวอทช์หน้าปัดกลมคนละรุ่นกัน) จะบอกชัดเจนเลยว่ามี eSIM 13 แสดงว่าถ้ามี Huawei ก็จะบอกค่ะ ถึงแม้ว่าบางเว็บรวมสเปก 5 อาจจะบอกข้อมูลผิดๆ ว่า Watch Fit 4 Pro รองรับ eSIM แต่ข้อมูลพวกนั้นมันขัดกับข้อมูลทางการและการชี้แจงเฉพาะรุ่นค่ะ อย่างไรก็ตาม นาฬิการุ่นนี้โทรออกรับสายผ่าน Bluetooth ได้นะคะ เมื่อเชื่อมต่อกับมือถือ 1 ก็เหมือนเป็นหูฟัง Bluetooth บนข้อมือเรานั่นเอง

การที่ Huawei ไม่ใส่ eSIM มาใน Watch Fit 4 Pro (และซีรีส์ Fit ทั้งหมด) ทั้งๆ ที่มีคำว่า “Pro” น่าจะเป็นการตัดสินใจทางธุรกิจค่ะ ซีรีส์ “Fit” เนี่ย เค้าเน้นความสมดุลระหว่างฟีเจอร์ฟิตเนส, ดีไซน์บางเบา และแบตเตอรี่ที่อึด 11 ถ้าใส่ eSIM เข้าไป มันจะทำให้เครื่องซับซ้อนขึ้น, แพงขึ้น และที่สำคัญคือเปลืองแบตสุดๆ Huawei เลยน่าจะเก็บฟีเจอร์โทรศัพท์ได้ด้วยตัวเองไว้สำหรับสมาร์ทวอทช์หน้าปัดกลมรุ่นท็อปๆ (เช่น ซีรีส์ Huawei Watch 4/5 6) เพื่อให้สินค้าแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกัน และยังคงจุดเด่นเรื่องแบตอึดของซีรีส์ Fit ไว้ คำว่า “Pro” ใน Watch Fit 4 Pro จึงน่าจะหมายถึงเซ็นเซอร์สุขภาพ/ฟิตเนสที่ล้ำกว่า และวัสดุที่พรีเมียมกว่า มากกว่าความสามารถในการโทรศัพท์ได้ด้วยตัวเองนะคะ นี่เป็นจุดสำคัญที่คนซื้อควรรู้ไว้ จะได้ไม่คาดหวังผิด และเข้าใจว่านาฬิกาตัวนี้มันคือเครื่องติดตามฟิตเนสสุดล้ำพร้อมฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์ ไม่ใช่โทรศัพท์มือถือบนข้อมือแบบเต็มตัว

ตารางที่ 1: Huawei Watch Fit 4 Pro – สเปกหลักๆ ที่ควรรู้

คุณสมบัติ ข้อมูลสเปก
ขนาด 44.5 × 40.0 × 9.3 มม.
น้ำหนัก ประมาณ 30.4 กรัม (ไม่รวมสาย)
หน้าจอ 1.82 นิ้ว AMOLED, 480 × 408 พิกเซล, 347 PPI, สว่างสุด 3000 nits
วัสดุ ตัวเรือน (กรอบกลางอะลูมิเนียมอัลลอยด์, ขอบไทเทเนียมอัลลอยด์), หน้าจอ (กระจกแซฟไฟร์)
ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS
ใช้ได้กับ Android 8.0 ขึ้นไป, iOS 13.0 ขึ้นไป
เซ็นเซอร์ Accelerometer (วัดความเร่ง), Gyroscope (วัดการหมุน), Magnetometer (วัดสนามแม่เหล็ก), Optical heart rate sensor (วัดชีพจรแบบแสง), Barometer (วัดความกดอากาศ), Temperature sensor (วัดอุณหภูมิ), ECG sensor (วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ), Depth sensor (วัดความลึก), Ambient light sensor (วัดแสงรอบข้าง)
การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 (BR+BLE), NFC, GNSS (L1+L5: GPS, GLONASS, GALILEO, BDS, QZSS)
สัญญาณมือถือ ไม่มี eSIM / ต่อเน็ตมือถือเองไม่ได้
แบตเตอรี่ ใช้งานได้นานสุด 10 วัน, ใช้งานทั่วไป 7 วัน 2 ชาร์จไร้สายได้
การกันน้ำ/ฝุ่น 5ATM, IP6X
ลำโพง มี
ไมโครโฟน มี

IV. ฟีเจอร์สุขภาพสุดล้ำ

หัวใจสำคัญของเรื่องสุขภาพใน Huawei Watch Fit 4 Pro คือระบบ Huawei TruSense™ 1 ซึ่งในรุ่น Pro นี้น่าจะมากับ “ระบบติดตามสุขภาพ TruSense รุ่นใหม่ล่าสุด” 7 ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อตรวจดูปัจจัยสุขภาพที่สำคัญ 6 อย่าง คือ ระบบทางเดินหายใจ, ระบบประสาท และระบบต่อมไร้ท่อ 1 โดยใช้การออกแบบเซ็นเซอร์แสงแบบหลายจุดและเทคโนโลยีความแม่นยำสูง 1

Watch Fit 4 Pro มีเซ็นเซอร์ ECG ทำให้วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้เมื่อต้องการ 1 นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Pulse Wave Arrhythmia Analysis ที่ใช้เซ็นเซอร์ PPG (วัดชีพจรแบบแสง) แจ้งเตือนความเสี่ยงภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (เช่น A-fib หรือภาวะหัวใจเต้นก่อนกำหนด) 1 การวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) ก็ทำได้ทั้งแบบต่อเนื่องและเมื่อต้องการ 9 พร้อมกับการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมงด้วยเซ็นเซอร์วัดชีพจรแบบแสง 2 และยังมีการตรวจจับความแข็งของหลอดเลือด (Arterial Stiffness Detection) อีกด้วย 9

เรื่องการนอนหลับ เทคโนโลยี Huawei TruSleep™ จะช่วยวิเคราะห์ระยะการนอนหลับอย่างละเอียด (หลับลึก, หลับตื้น, REM, ตื่น) และประเมินคุณภาพการนอนหลับ 1 ซึ่งหลายคนชมว่าแม่นยำ 3 ระบบยังมีการตรวจจับความเครียดอัตโนมัติพร้อมคำแนะนำการฝึกหายใจ 10 และมีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิวหนังด้วย 2

เพื่อประสบการณ์สุขภาพที่ดีขึ้น Huawei ได้เปิดตัวแอป Health Insights ใหม่ ที่ช่วยจัดการความเครียดและปรับปรุงการนอนหลับด้วยเคล็ดลับดีๆ 1 พร้อมกับแอป Emotional Wellbeing ที่ช่วยดูแลอารมณ์และความรู้สึกของเรา 1 ฟีเจอร์สุขภาพที่ครบเครื่องขนาดนี้ รวมถึง ECG และการตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นฟีเจอร์ระดับพรีเมียมที่มักจะเจอในนาฬิการาคาแพงกว่านี้ การที่ Huawei ใส่ฟีเจอร์เหล่านี้มาใน Watch Fit 4 Pro ในราคาที่จับต้องได้ (ประมาณต่ำกว่า 300 ยูโร หรือประมาณหมื่นต้นๆ 15) ถือเป็นจุดขายที่สำคัญมาก โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใส่ใจสุขภาพแบบจริงจัง ความแม่นยำของเซ็นเซอร์เหล่านี้ตามที่คนรีวิวบอก 3 ยิ่งทำให้มั่นใจในนาฬิกาเรือนนี้มากขึ้น

V. ติดตามกีฬาแบบโปรๆ ลุยได้ทุกกิจกรรม

Huawei Watch Fit 4 Pro ไม่ได้เก่งแค่เรื่องสุขภาพนะคะ แต่ยังเป็นเพื่อนซี้ของคนรักการออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้งด้วย เพราะมีโหมดออกกำลังกายให้เลือกมากกว่า 100 โหมด 3 ครอบคลุมกิจกรรมหลากหลาย แต่ที่ทำให้รุ่น Pro โดดเด่นจริงๆ คือโหมดกีฬาระดับโปรที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ:

  • โหมดตีกอล์ฟ: บอกข้อมูลสนามละเอียด เช่น ตำแหน่งหลุมทรายและกรีน, วัดระยะอัจฉริยะ, วิเคราะห์วงสวิง, มีบัตรคะแนนดิจิทัล และมีภาพเคลื่อนไหวแสดงวิถีลูกกอล์ฟด้วย 1 พร้อมแผนที่สนามกอล์ฟทั่วโลก 3
  • โหมดดำน้ำ: มีเครื่องมือวัดความลึกใต้น้ำได้ถึง 40 เมตร, โหมดฝึกการกลั้นหายใจ (apnea training), ตัวจับเวลาขณะลอยตัว (hover timer), ตรวจจับประเภทของน้ำ และตั้งค่าความลึกในการดำน้ำเองได้ 1
  • โหมดวิ่งเทรล (วิ่งในป่า/ภูเขา): มาพร้อมแผนที่แสดงเส้นชั้นความสูง (contour maps) 3
  • นอกจากนี้ยังมีโหมดอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น สกี, ไตรกีฬา, เดินป่า, ปีนเขา และสโนว์บอร์ด 1

ความแม่นยำของ GPS ก็ดีขึ้นมาก เพราะมีระบบ GNSS แบบ Dual-band (L1+L5) ช่วยให้ระบุตำแหน่งได้แม่นยำสุดๆ 2เราสามารถดูแผนที่ออฟไลน์ระหว่างออกกำลังกายกลางแจ้งได้, มีระบบนำทางตามส่วนของเส้นทาง (segment-based navigation) และติดตามเส้นทางพร้อมการแจ้งเตือนด้วยเสียง/การสั่น/ลูกศร 1 เซ็นเซอร์วัดความกดอากาศ (บารอมิเตอร์) ที่อัปเกรดใหม่ก็ให้ข้อมูลสภาพแวดล้อม, ข้อมูลสภาพอากาศ และการระบุตำแหน่งดวงอาทิตย์ (sunflower positioning) 1 รวมถึงการติดตามเส้นทางในน้ำด้วย 1

นาฬิกาสามารถแสดงข้อมูลฟิตเนสแบบเรียลไทม์ 1 และวิเคราะห์ผลหลังจบเกมได้ (เช่น สำหรับกอล์ฟ) 1 มีระบบตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติสำหรับกิจกรรมทั่วไป 3 และสามารถส่งสัญญาณอัตราการเต้นของหัวใจไปยังเครื่องออกกำลังกายในยิมที่รองรับได้ 3 การที่ Huawei ใส่ฟีเจอร์กีฬาระดับโปรเหล่านี้ เช่น การวิเคราะห์กอล์ฟขั้นสูงและการรองรับการดำน้ำลึก ซึ่งปกติจะเจอในนาฬิกาสปอร์ตเฉพาะทางที่แพงกว่านี้มาก มาไว้ใน Watch Fit 4 Pro ในราคา “Pro” ระดับกลาง (ประมาณ 250-300 ยูโร หรือประมาณ 9,000 – 11,000 บาท 3) ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงฟีเจอร์เหล่านี้ได้ง่ายขึ้น กลยุทธ์นี้น่าจะดึงดูดคนที่อยากได้ฟีเจอร์ล้ำๆ เหล่านี้แต่ไม่อยากจ่ายแพงเท่านาฬิกาเฉพาะทางจากแบรนด์อื่น นี่จึงเป็นข้อเสนอที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับคนที่สนใจกิจกรรมเหล่านี้โดยเฉพาะเลยค่ะ

VI. ฟังก์ชันสมาร์ทๆ สำหรับชีวิตประจำวัน

นอกจากจะเก่งเรื่องสุขภาพและกีฬาแล้ว Huawei Watch Fit 4 Pro ยังมีฟังก์ชันสมาร์ทๆ ที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นด้วยค่ะ:

  • คุยโทรศัพท์บนข้อมือ: โทรออกรับสายผ่าน Bluetooth ได้เมื่อเชื่อมต่อกับมือถือ เพราะมีลำโพงกับไมโครโฟนในตัว 1 คุณภาพเสียงตอนคุยก็ดีเยี่ยมเลยค่ะ 3 เราสามารถตอบข้อความด่วนๆ ด้วยการแปลงเสียงเป็นข้อความ หรือใช้อีโมติคอนก็ได้ 1 แถมยังตอบ WhatsApp ด้วยคีย์บอร์ดเต็มรูปแบบได้ด้วยนะ 10
  • เครื่องมือช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น:
    • Voice NotePad: อัดเสียงโน้ตสั้นๆ 1
    • NFC สำหรับแตะผ่าน: อาจจะใช้ NFC กับบัตรผ่านต่างๆ ได้ (เช่น บัตรประตูคอนโด 10) แต่เรื่องจ่ายเงินยังใช้ได้จำกัดหรือไม่ก็ยังใช้ไม่ได้ในหลายประเทศ 3
    • รีโมทชัตเตอร์กล้อง: ใช้เป็นรีโมทถ่ายรูปจากมือถือได้ 1
    • ค้นหามือถือของฉัน (Find My Phone) 5
    • ควบคุมเพลง (ที่เล่นบนมือถือ) และเล่นเพลงในเครื่อง (โอนไฟล์ MP3 ลงนาฬิกา) 3
    • ดูสภาพอากาศ, ตั้งนาฬิกาปลุก, จับเวลา 5
    • ซิงค์ปฏิทินและดูการแจ้งเตือนนัดหมาย 10
  • หน้าปัดนาฬิกาและการปรับแต่ง: มีสไตล์หน้าปัดนาฬิกาให้เลือกเปลี่ยนได้ไม่อั้น เช่น Arctic Rays, Dusk Silhouette, DIY Gallery และหน้าปัดสติกเกอร์ที่เราทำเองได้ 1
  • ระบบนิเวศแอป HarmonyOS: ทำอะไรได้บ้าง และมีข้อจำกัดอะไร? ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS มาพร้อมแอปและฟีเจอร์พื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ แต่ข้อจำกัดสำคัญคือยังไม่ค่อยมีแอปจากนักพัฒนาภายนอกให้เลือกใช้มากนัก เมื่อเทียบกับ Wear OS (ของ Google) หรือ watchOS (ของ Apple) 3 ขาดแอปฮิตๆ อย่าง Spotify (ที่ใช้บนนาฬิกาได้เลย), Google Maps หรือ Strava 3 และถ้าจะซิงค์ข้อมูลกับ Google Health Connect บน Android ก็ต้องใช้เครื่องมือจากภายนอกช่วย 3

ถึงแม้ Watch Fit 4 Pro จะมีฟังก์ชันสมาร์ทหลักๆ ที่ดี เช่น การโทร, การแจ้งเตือน และเครื่องมือพื้นฐานต่างๆ แต่ก็ยังขาดความหลากหลายของแอปจากนักพัฒนาภายนอก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของอุปกรณ์สวมใส่ Huawei หลังจากมีข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์ ฟังก์ชันสมาร์ทหลักๆ อย่างการโทรผ่าน Bluetooth 1, การแจ้งเตือน, การควบคุมเพลง 5 หรือแม้แต่ฟีเจอร์ล้ำๆ บางอย่าง เช่น การตอบ WhatsApp ด้วยคีย์บอร์ด 10 ก็มีให้ใช้และทำงานได้ดีโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม รีวิวหลายๆ ที่ 3ก็พูดตรงกันว่าการไม่มี App Store ที่มีแอปเยอะๆ เป็นข้อเสียเปรียบหลัก ซึ่งจำกัดความสามารถในการขยายการใช้งานเมื่อเทียบกับ Apple Watch หรือนาฬิกา Wear OS การที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับบริการยอดนิยมอย่าง Spotify หรือ Strava 3 ได้โดยตรง อาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนที่ใช้บริการเหล่านั้นเป็นประจำ ในทำนองเดียวกัน การไม่มีตัวเลือกการจ่ายเงินผ่านมือถือในประเทศส่วนใหญ่ 3 ก็เป็นข้อสังเกตสำหรับนาฬิการะดับ “Pro” ในปี 2025 ดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า ถึงแม้ Watch Fit 4 Pro จะ “สมาร์ท” ในฟังก์ชันหลักๆ แต่คนที่มองหาแอปที่ดาวน์โหลดได้หลากหลาย หรือการเชื่อมต่อกับบริการเฉพาะ (โดยเฉพาะบริการจากฝั่งตะวันตก) อาจจะยังไม่ถูกใจ จุดแข็งของนาฬิการุ่นนี้อยู่ที่ความสามารถด้านสุขภาพ/ฟิตเนสในตัวและการออกแบบ มากกว่าความสมาร์ทที่มาจากแอปเยอะๆ ค่ะ

VII. แบตอึดแค่ไหน ชาร์จยังไง?

จุดแข็งสำคัญอย่างหนึ่งของ Huawei Watch Fit 4 Pro คือแบตเตอรี่ที่อึดมากๆ ค่ะ:

  • แบตเตอรี่ใช้งานจริงเป็นยังไงบ้าง:
    • ใช้งานได้นานสุด: ถึง 10 วัน 1 (อันนี้ทดสอบภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ เช่น โทรผ่าน Bluetooth 30 นาที/สัปดาห์, ฟังเพลง 30 นาที/สัปดาห์, เปิดวัดชีพจรตลอด, เปิดระบบติดตามการนอนหลับ, ออกกำลังกายเฉลี่ย 90 นาที/สัปดาห์, เปิดรับการแจ้งเตือน, เปิดหน้าจอดูวันละ 200 ครั้ง)
    • ใช้งานทั่วไป: 7 วัน 1 (อันนี้ทดสอบแบบใช้งานหนักขึ้น เช่น เปิดตรวจจับความเครียด, วิเคราะห์คลื่นหัวใจ, ตรวจจับการหายใจตอนนอน, ออกกำลังกาย 180 นาที, เปิดหน้าจอดูวันละ 30 นาที)
    • ถ้าเปิด Always-On Display (หน้าจอติดตลอด): อยู่ได้นานถึง 4 วัน 1
    • คนที่ได้ลองใช้ส่วนใหญ่ก็ยืนยันว่าแบตอึดจริง 3
  • ชาร์จเร็วแค่ไหน สะดวกไหมถ้าชาร์จไร้สาย:
    • ชาร์จเร็ว: “ชาร์จแค่ 10 นาที ใช้ได้ทั้งวัน” 8 ชาร์จเต็มใน 60 นาที 8 หรือ 75 นาทีสำหรับรุ่น Fit 4 ธรรมดา 1
    • ชาร์จไร้สาย: รองรับการชาร์จไร้สายแบบ Qi 2 โดยใช้แท่นชาร์จแม่เหล็กที่ให้มา หรือที่ชาร์จ Qi ทั่วไปก็ได้ ซึ่งสะดวกขึ้นเยอะเลยค่ะ สเปกหัวชาร์จที่แนะนำคือ: 5V-9V DC/2A 2

แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานหลายวัน แม้จะเปิดใช้ฟีเจอร์เยอะแยะ ก็ยังเป็นจุดขายที่แข็งแกร่งของอุปกรณ์สวมใส่ Huawei และ Watch Fit 4 Pro ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง การเพิ่มการชาร์จไร้สายแบบ Qi เข้ามาก็ช่วยให้สะดวกสบายขึ้นมาก ตัวเลขทางการ 1 และความเห็นจากคนรีวิว 3 ชี้ให้เห็นว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่าคู่แข่งหลายๆ รุ่นอย่างเห็นได้ชัด (7-10 วันสำหรับการใช้งานทั่วไป/สูงสุด) ซึ่งคู่แข่งหลายรายต้องชาร์จทุกวันหรือเกือบทุกวัน (เช่น Apple Watch, นาฬิกา Wear OS บางรุ่น) ความอึดระดับนี้เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญมากสำหรับผู้ใช้ ช่วยลดความกังวลเรื่องการชาร์จ และทำให้เหมาะกับการเดินทางหลายวันหรือช่วงเวลาที่ต้องติดตามข้อมูลอย่างเข้มข้น การรองรับการชาร์จไร้สายแบบ Qi 2 ควบคู่ไปกับแท่นชาร์จแม่เหล็กของ Huawei เอง ทำให้มีความยืดหยุ่นและสะดวกสบาย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยที่ชาร์จไร้สายที่มีอยู่ทั่วไปได้ ดังนั้น ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ควรได้รับการเน้นย้ำว่าเป็นข้อได้เปรียบหลัก การผสมผสานระหว่างระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานและตัวเลือกการชาร์จที่สะดวกสบายทำให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงสำหรับผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับด้านนี้

VIII. Huawei Watch Fit 4 Pro ในไทย: ราคา ขายที่ไหน ซื้อยังไง?

Huawei Watch Fit 4 Pro เปิดตัวทั่วโลกไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2025 1 สำหรับในประเทศไทย จากข้อมูลบน Shopee เหมือนจะเริ่มขายหรือเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าประมาณวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 17 นอกจากนี้ บนเว็บไซต์ Huawei Consumer ประเทศไทย ก็มีชื่อรุ่น Watch Fit 4 Pro ขึ้นมาแล้วเหมือนกัน 19

ราคาขายในประเทศไทย จากข้อมูลบน Shopee ราคาของ Huawei Watch Fit 4 Pro อยู่ที่ประมาณ 9,999 บาท 17 ซึ่งราคานี้ก็ใกล้เคียงกับราคาในต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย (RM999 8) และสหราชอาณาจักร (£249.99 3) ยังไงลองเช็คราคาที่แน่นอนอีกครั้งกับร้านค้าทางการนะคะ

ช่องทางขายที่เชื่อถือได้ในประเทศไทย ได้แก่:

  • Huawei Experience Stores (ร้านค้าของ Huawei เอง)
  • ช่องทางออนไลน์:
    • Huawei Official Store (บน Lazada และ Shopee ถ้ามี)
    • Lazada ประเทศไทย: มีลงขายสายนาฬิกาและอุปกรณ์เสริมของ “Watch Fit 4 Pro” 20 แสดงว่าสินค้ารุ่นนี้เป็นที่รู้จักในตลาดแล้ว
    • Shopee ประเทศไทย: มีลงขายตัวเครื่อง “HUAWEI WATCH FIT 4 Pro” โดยตรงเลย 17
  • ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายชั้นนำ (เช่น Best Denki, Challenger, Courts ที่พูดถึงสำหรับสิงคโปร์ 22 น่าจะต้องลองเช็คร้านค้าที่คล้ายๆ กันในไทยดูค่ะ)

สำหรับโปรโมชันช่วงเปิดตัวหรือรายละเอียดการสั่งจองล่วงหน้า จากข้อมูลบน Shopee 18 เห็นว่ามีของแถมหลายอย่างเลย เช่น พาวเวอร์แบงค์, หูฟัง Freebuds SE2, สายนาฬิกา, กระเป๋า, แท่นชาร์จไร้สาย และฟิล์มกันรอย ซึ่งคล้ายๆ กับตอนเปิดตัวที่มาเลเซีย ที่มีทั้งส่วนลดและของแถม 8

ราคาในไทยที่ประมาณ 9,999 บาท 17 และการมีของแถมเยอะแยะ เป็นกลยุทธ์ปกติของ Huawei ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อกระตุ้นให้คนตัดสินใจซื้อในช่วงแรกๆ และแข่งขันในตลาดที่ดุเดือด การมีชื่อรุ่นนี้บนเว็บไซต์ทางการของ Huawei ประเทศไทย 19 และบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ 17 ก็เป็นการยืนยันว่ามีการเปิดตัวและวางขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้วค่ะ

ตารางที่ 2: Huawei Watch Fit 4 Pro – ราคาโดยประมาณและช่องทางขายในไทย

ร้านค้า/แพลตฟอร์ม รุ่น ราคาโดยประมาณ (บาท) สถานะการขาย (ณ วันที่ทำรายงาน) โปรโมชัน
Huawei Official Online Store (ประเทศไทย), Shopee (Huawei Official Store/ร้านที่เชื่อถือได้), Lazada (Huawei Official Store/ร้านที่เชื่อถือได้), Huawei Experience Stores (ร้านค้าปลีก) Huawei Watch Fit 4 Pro (สีอาจแตกต่างกันไป) ~9,999 บาท มีของ / สั่งจองล่วงหน้า มักจะมีของแถม เช่น หูฟังไร้สาย, สายนาฬิกาสำรอง ในช่วงเปิดตัว (ควรเช็คกับร้านโดยตรงอีกที)

IX. วิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ: ข้อดี

จากการรวบรวมข้อมูลและรีวิวต่างๆ Huawei Watch Fit 4 Pro มีข้อดีและข้อที่ควรพิจารณาดังนี้ค่ะ:

ข้อดี (Pros):

  • ดีไซน์และวัสดุพรีเมียม: ใช้ไทเทเนียมอัลลอยด์, กระจกแซฟไฟร์ และหน้าตาที่ดูเพรียวบางสวยงาม 1
  • จอ AMOLED สวยตะลึง: จอใหญ่, สว่างมาก (3000 nits) และสีสันสดใส 1
  • ติดตามสุขภาพครบเครื่อง: ระบบ TruSense สุดล้ำ, วัด ECG ได้, วัด SpO2, ตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ, ติดตามการนอนหลับและความเครียดอย่างละเอียด 1
  • โหมดกีฬาระดับโปรหลากหลาย: มีโหมดเฉพาะสำหรับตีกอล์ฟ, ดำน้ำ, วิ่งเทรล พร้อมข้อมูลขั้นสูงและแผนที่ออฟไลน์ 1
  • แบตเตอรี่อึดสุดๆ: ใช้งานได้นานถึง 7-10 วัน ซึ่งนานกว่าคู่แข่งหลายๆ รุ่น 1
  • ชาร์จเร็วและสะดวก: ชาร์จได้เร็วและรองรับการชาร์จไร้สายแบบ Qi 2
  • GPS แม่นยำ: ระบบ GNSS แบบ Dual-band ช่วยให้ติดตามตำแหน่งได้แม่นยำ 2
  • ฟังก์ชันสมาร์ทหลักๆ ดี: โทรผ่าน Bluetooth ได้, ดูการแจ้งเตือน, เล่นเพลงได้ 1
  • ใช้ได้กับทั้ง Android และ iOS: เชื่อมต่อได้ทั้งมือถือ Android และ iPhone 2

ความคุ้มค่าของ Watch Fit 4 Pro อยู่ที่การให้ฮาร์ดแวร์ที่น่าประทับใจ (วัสดุ, เซ็นเซอร์, แบตเตอรี่) ในราคาที่เหมาะสม แต่ความสามารถด้าน “สมาร์ท” ถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดของระบบซอฟต์แวร์ Huawei จุดแข็งส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวเครื่อง (ดีไซน์, หน้าจอ, แบตเตอรี่) และความสามารถด้านสุขภาพ/ฟิตเนสในตัวที่มาจากเซ็นเซอร์ล้ำๆ ในขณะที่ข้อเสียส่วนใหญ่เน้นไปที่ข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์และระบบนิเวศ (ไม่มี eSIM สำหรับรุ่นนี้, แอปน้อย, การจ่ายเงินผ่านมือถือที่จำกัด) สิ่งนี้ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนที่ชัดเจน: ผู้ใช้จะได้ฮาร์ดแวร์ระดับท็อปและการติดตามสุขภาพ/ฟิตเนสในตัวที่ยอดเยี่ยม แต่ต้องเสียสละความหลากหลายของแอปและความสามารถในการเชื่อมต่อที่ราบรื่นของแพลตฟอร์มอย่าง Wear OS หรือ watchOS ของ Apple ดังนั้น ข้อเสนอคุณค่าจึงขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ให้ความสำคัญกับฮาร์ดแวร์และฟีเจอร์ในตัวมากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับระบบนิเวศแอปที่กว้างขวางกว่า

X. สรุป

Huawei Watch Fit 4 Pro เป็นสมาร์ทวอทช์ที่เน้นเรื่องฟิตเนสและสุขภาพที่เก่งมากๆ มาพร้อมกับวัสดุพรีเมียมและแบตเตอรี่ที่อึดสุดๆ แถมยังมีฟีเจอร์กีฬาเฉพาะทางที่เหนือกว่านาฬิกาในระดับราคาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเรื่องระบบซอฟต์แวร์ก็เป็นเรื่องหลักที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อค่ะ

เหมาะกับใครบ้างในประเทศไทย:

  • เหมาะสุดๆ สำหรับ:
    • คนที่รักสุขภาพและอยากติดตามข้อมูลสุขภาพแบบละเอียด
    • คนที่ชอบออกกำลังกาย โดยเฉพาะนักกอล์ฟ, นักดำน้ำ, นักวิ่ง ที่จะได้ประโยชน์จากโหมดกีฬาเฉพาะทาง
    • คนที่ให้ความสำคัญกับแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานๆ และดีไซน์ที่ดูหรูหรา โดยไม่จำเป็นต้องใช้แอปเยอะแยะหรือการเชื่อมต่อเน็ตมือถือด้วยตัวเอง

latest video

Mail Icon

news via inbox

Nulla turp dis cursus. Integer liberos  euismod pretium faucibua